คนที่กำลังคิดจะซื้อ iPad อยู่ตอนนี้ ถ้าเลือกรุ่น Pro ก็คงไม่ได้คิดหนักเรื่องความจุเท่าไรนัก เพราะอย่างต่ำ ๆ มาก็ 128GB แล้ว แต่ถ้าคุณคิดจะซื้อ iPad Air แล้วล่ะก็ กับความจุ 64GB หลายคนคงเกิดคำถามแล้วว่า เอ้..แล้วมันจะพอไหม บางคนเอาไปทำงาน บางคนเอาไปใช้เรียน ความจุแค่นี้ เริ่มกังวลว่าน้อยไปรึเปล่า เอาไง เพราะราคามันถูกกว่าใครเพื่อน ก็ดึงดูดใจพอสมควร ประหยัดเงินไปได้อีกไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทเลย ซึ่งเงินจำนวนนี้เราอาจจะเอามาเป็นงบเพื่อไปเพิ่มเป็นไอแพดตัว Cellular แทนก็ได้ เพราะถ้าใครใช้งานนอกบ้านบ่อย ไม่ชอบแชร์เน็ตจากมือถือ Cellular ก็สะดวกดี ซึ่งก็คิดว่าหลายคนซื้อ 64GB ก็เพื่อประหยัดตังค์ในกระเป๋านั่นเองแหละ บทความนี้ก็เลยอยากมาเสนอไอเดียดู ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเชื่อแล้วต้องทำตามอะไรหรอก ก็แค่อ่านเอาไปเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย
ถ้าใช้ iPad เพื่อประกอบการเรียน ความจุ 64GB ก็น่าจะพอ
อย่างถ้าเป็น นักเรียน นักศึกษา ก็เก็บเอกสารการเรียน ชีทต่าง ๆ ไว้ในเครื่องเลย เน้นใช้เรียน เน้นใช้จด พิมพ์บันทึกงาน จดแอป GoodNotes สบายๆ หรือเก็บไฟล์เอกสาร iPad 64GB นี่เหลือ ๆ พอสำหรับการใช้เรียนสำหรับคนส่วนใหญ่แน่นอน ยกเว้น นักศึกษาที่เรียนบางสาขาที่เน้นทำสื่อ ทำคลิป ความจุแต่นี้อาจจะเอาไม่อยู่ แต่คนที่เรียนสาขาอื่นซึ่งเป็นส่วนใหญ่ 64GB น่าจะพอ เพียงแต่ก็มีข้อที่ต้องระวังในการใช้งานบ้างบางอย่าง เช่น ไม่ Sync รูปจาก iPhone มาลง iPad ไม่เช่นนั้นแป๊ปเดียวก็เต็ม เป็นต้น
เอาไว้ใช้ทำงาน ฟังธงไม่ได้แน่นอนว่าพอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน
การใช้ iPad เพื่อทำงานนั้นต่างจากการใช้เรียน เพราะชีวิตการทำงานนั้นมีหลากหลายหน้าที่การงานมาก ๆ ไม่สามารถฟันธงไปว่าความจุ 64GB นั้นเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ อย่างที่เราจะพบกันบ่อย ๆ คือคนทำงานมักจะพก iPad กันเพราะมันสะดวกกว่าที่จะต้องแบกโน๊ตบุ๊คไปทั้งเครื่อง จะเอาไปประชุม สัมนา พบลูกค้าอะไรก็สะดวก น้ำหนักเบากว่า ถ้าลักษณะงานแบบนี้ใช้ iPad ความจุ 64GB ก็สบาย ๆ ไม่ต้องอะไรมาก ในขณะที่สำหรับบางคน แม้ว่าทำงานเอกสารก็จริง ๆ แต่ชีวิตการทำงานจริง ๆ ไฟล์งาน ไฟล์รูปภาพ ไหนจะไฟล์วิดีโอ มากมายมหาศาล ยังไงก็ต้องเก็บไว้เรียกดูได้ตลอด แม้ว่าจะมี Cloud Storage จากผู้ให้บริการหลายเจ้า แต่ถ้างานรีบ ๆ ยังไงเก็บไว้ในเครื่องก็สะดวกกว่าอยู่ดี ถ้าลักษณะงานแบบนี้ก็ 64GB ก็อาจจะไม่พอ ไป 256GB ซึ่งต้องเพิ่มงบเพิ่มอีกประมาณ 5,000 บาท ก็น่าจะเหมาะกับงานระดับโปรมากกว่า อะไรอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเอาจริง ๆ ตอนซื้อ iPad เราต้องรู้ตัวเราเองอยู่แล้วว่าจะต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเยอะหรือน้อยแค่ไหน

iPad Air 11-inch (M2) Wi-Fi 256GB Blue
จอภาพ LIQUID RETINA ขนาด 11 นิ้ว ชิป M2 ทำงานมัลติทาสก์และเล่นเกมได้อย่างราบรื่น กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP และกล้องหลังไวด์ 12MP ปลดล็อคด้วย Touch ID ใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อค ราคาประมาณ 27,900 บาท
iPad 64GB จะใช้ไม่พอ ถ้ามีการใช้งานเพื่อความบันเทิงมากไป
ถ้ามีเล่นเกมด้วย สวนใหญ่หมดพื้นที่ไปกับเกมเยอะ ในเครื่องเปิดมาเกมเพียบ เกมสองเกมอาจจะพอไหว แต่ถ้าติดตั้งเกมมากกว่า 3-4 เกมขึ้นไป นี่อาจไม่พอเอาไว้ใช้อย่างอื่นแน่ หรือถ้าไปเที่ยวแล้ว ชอบถ่ายรูปเยอะ ๆ ถ้าวิดีโอ โดยเฉพาะลงโซเชียล เฟสบุ๊ค TikTok หรือชอบดูหนัง ใส่หนังไว้ดู ใส่เพลงเต็มที่ ถ้าเป็นแบบนี้แนะนำให้ไป iPad 256GB เลยจะดีกว่า
ความจุเพิ่ม Cloud และ SSD เป็นอีกตัวช่วย
แล้วก็อย่าลืมว่านอกจากความจุภายในเครื่อง iPad 64GB แล้ว เรายังสามารถซื้อ iCloud จ่ายประมาณ 30 บาทต่อเดือน ได้ความจุเพิ่มอีก 50GB ด้วยนะ เพียงแต่มีข้อพึงระวังไว้หน่อยเท่านั้นเอง คืออย่า Sync รูปและไฟล์อะไรต่อมิอะไรจาก iCould มาลง iPad เพราะนี่แหละจะทำให้พื้นที่เต็มเลย นอกจากนั้นก็ยังมี Google Drive ให้ใช้ฟรีอีก 15GB, One Drive อีก 5GB รวม ๆ แล้วเป็น 20GB ฟรี ๆ ด้วยนะ แล้วก็มีแอปเก็บรูปอย่าง Google Photos ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดพื้นที่ไม่จำเป็น พวกบริการ Cloud เหล่านี้ เอาไว้ใช้เก็บไฟล์หรือรูปภาพที่ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนไฟล์ไหนใช้บ่อย ๆ ก็ยังคงเก็บไว้ในเครื่องนั่นแหละหยิบมาใช้ได้สะดวกดี หรือจะอ่านบทความไหนก็โหลดมาไว้เป็น Offline ไว้อ่าน หรือถ้ายังไม่พอ ก็ซื้อ External SSD หรือ Flash Drive ความจุเยอะ ๆ มาประจำการสักลูกสองลูก ติดกระเป๋าไว้ก็ยังได้ บางคนก็แยกไปเลย iPad ความจุเครื่อง 64GB นั้นจะใช้สำหรับลง app และไฟล์ที่จะเป็นเท่านั้น ส่วน file อื่นๆ ไม่ว่ายังไงก็เก็บไว้บน Cloud เท่านั้น ก็เป็นอีกไอเดียการใช้งาน
ใช้ iPad เพื่องานตัดต่อเป็นหลัก 64GB ไม่พอแน่นอน
จากที่บอกไปแ ถ้าซื้อมาใช้ทำงานเอกสารทั่วไป พวกดูหนังฟังเพลง เล่นเกมบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ 64GB ก็พอแล้ว แต่ถ้าเอามาใช้งานทำคลิป ทำ Vlog ตัดต่องานกราฟฟิก โดยเฉพาะตัวต่อวิดีโอ ต้องคิดหนัก เอาเข้าจริง ๆ แล้วงานตัดต่อ Macbook น่าจะเหมาะกว่า แต่ก็มีหลายคนก็ยังใช้ iPad กับงานตัดต่ออยู่ ซึ่งถ้าอยากตัดวีดีโอโดย iPad ความจุแค่ 64GB จริง ๆ ก็ซื้ออาจจะซื้อ SSD มาเพิ่มอีกสักตัวก็ได้ เวลาทำงานก็โยนไฟล์มาตัดที่ละฟุตเทจก็ได้ แล้วโยนกลับไปกลับมา แบบนี้ก็พอไหว หรือถ้ามีงบพอ เพิ่มเงินอีกสัก 5,000 บาท ก็ซื้อ iPad ที่ความจุ 256GB เลยก็น่าจะสะดวกกว่าและเหลือ ๆ ในระยะยาว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น