MacBook Air M1 กับ MacBook Air M2 ต่างกันยังไง

MacBook Air ของ Apple เป็นแล็ปท็อปที่ได้รับความนิยมมากๆ ในโลก ด้วยข้อดีหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ การออกแบบที่ทันสมัย แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวๆ และประสิทธิภาพอันทรงพลัง ในปี 2020 Apple ได้เปิดตัว MacBook Air รุ่นแรกที่มีชิป M1 ของตัวเอง ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ทำให้แล็ปท็อปทำงานได้อย่างทรงพลังและเร็วขึ้น มีกราฟิกที่ดีขึ้น และแบตที่ดีกว่าเดิม ใช้งานได้ยาวนานกว่ารุ่นก่อนๆ ในปี 2022 ต่อมา Apple เปิดตัว MacBook Air รุ่นที่สองพร้อมชิป M2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ M1 ที่เพิ่มคุณสมบัติมากขึ้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดีไซน์ใหม่กว่าเดิม ถ้าคุณกำลังจะซื้อ Mac สักเครื่องอยู่ตอนนี้ คุณอาจต้องการข้อมูลการเปรียบเทียบ ของทั้งสองรุ่นนี้อย่างละเอียด เพื่อใช้ในการตัดสินใจ

การออกแบบ

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดระหว่าง MacBook Air M1 และ MacBook Air M2 คือการออกแบบ โดย Mac Air รุ่น M2 มีจอภาพขนาดใหญ่กว่า อยู่ที่ 13.6 นิ้ว และขอบจอที่บางกว่า Mac Air รุ่น M1 ซึ่งมีขนาด 13.3 นิ้ว จอแสดงผลรุ่น M2 ยังสว่างกว่าเล็กน้อยที่ 500 นิต เทียบกับ 400 นิต สำหรับจอแสดงผลรุ่น M1 อย่างไรก็ตาม Mac Air รุ่น M2 มีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีก อย่างเช่น การมีรอยบากที่มีกล้องความละเอียด 1080p ผู้ใช้บางคนอาจพบว่ารอยบากนี้รบกวนสมาธิหรือไม่ก็รู้สึกน่ารำคาญไปเลย ในขณะที่คนอื่นๆ อาจไม่ใส่ใจหรือชอบด้วยก็มี โดยเฉพาะคุณภาพกล้องที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ นอกจากนี้ Mac Air รุ่น M2 ยังมีสีของตัวเครื่องสีใหม่ด้วยนั้นคือ Midnight ซึ่งเป็นสีน้ำเงินเข้มที่มาแทนที่ตัวเลือกสีทองของ Mac Air รุ่น M1

MacBook Air M2 มีน้ำหนักเบาและบางกว่า MacBook Air M1 เล็กน้อย โดยมีน้ำหนัก 2.7 ปอนด์หรือประมาณ 1.22 กิโลกรัม และหนา 0.44 นิ้ว เมื่อเทียบกับ Mac Air รุ่น M1 ที่หนัก 2.8 ปอนด์หรือประมาณ 1.27 กิโลกรัม และหนา 0.63 นิ้ว ทั้งสองรุ่นมีขนาดความกว้างและความลึกเท่ากัน และมีพอร์ตแบบเดียวกัน ได้แก่ พอร์ต Thunderbolt/USB 4 จำนวน 2 พอร์ต และแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. อย่างไรก็ตาม Mac Air รุ่น M2 มีช่องเสียบหูฟังขั้นสูงที่รองรับหูฟังที่มีความต้านทานสูง ซึ่งอาจจะถูกใจผู้รักเสียงเพลงที่ต้องการเสียงคุณภาพสูง

ทั้งสองรุ่นมีคีย์บอร์ดและแทร็กแพดเหมือนกัน ยกเว้นปุ่มฟังก์ชั่น โดย Mac Air รุ่น M2 มีปุ่มฟังก์ชันแบบมาตรฐานความสูงเต็ม 12 ปุ่ม ในขณะที่รุ่น M1 มีปุ่มฟังก์ชันแบบความสูงครึ่งหนึ่ง 12 ปุ่ม นอกจากนี้ รุ่น M2 ยังมีปุ่ม Spotlight เฉพาะซึ่งเปิดใช้คุณสมบัติการค้นหาบน macOS และปุ่มเขียนตามคำบอกซึ่งเปิดใช้งานคุณสมบัติป้อนข้อมูลด้วยเสียง และทั้งสองรุ่นมีเซ็นเซอร์ Touch ID สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริกซ์ และแทร็กแพด Force Touch สำหรับท่าทางที่ไวต่อแรงกด

content cover

MacBook Air 15 M2 Starlight (2023)

CPU แบบ 8-core และ GPU สูงสุดแบบ 10-core จอภาพ Liquid Retina ขนาด 15.3 นิ้ว พอร์ต MagSafe 3, พอร์ต Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ต Magic Keyboard แบ็คไลท์ Touch ID เพื่อการปลดล็อคอย่างปลอดภัย การเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi 6 ที่รวดเร็ว

check price เช็คราคาล่าสุดได้ที่นี่


ความแรงและประสิทธิภาพ

ข้อแตกต่างที่สำคัญอีกประการระหว่าง MacBook Air M1 และ MacBook Air M2 ก็คือเรื่องความแรง โดย Mac Air รุ่น M2 มีประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์, กราฟิก, และหน่วยความจำที่ทรงพลังกว่า Mac Air รุ่น M1 โดยทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรมเดียวกัน แต่อย่างแรกมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่า มีคอร์มากกว่า และแบนด์วิธหน่วยความจำมากกว่า ชิป M2 เป็นซีพียูแบบ 8 คอร์ พร้อมด้วยคอร์ performance 4 คอร์ และคอร์ efficiency 4 คอร์ เช่นเดียวกับชิป M1 แต่สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงสุด 3.5 GHz เทียบกับ 3.2 GHz สำหรับชิป M1 นอกจากนี้ ชิป M2 ยังมีตัวเลือก GPU 10 คอร์ ซึ่งเร็วกว่าตัวเลือก GPU 8 คอร์บนชิป M1 ถึง 25% ยิ่งไปกว่านั้น ชิป M2 ยังมีกลไกเข้ารหัสและถอดรหัส ProRes ซึ่งช่วยให้สามารถตัดต่อวิดีโอได้ด้วยการเร่งประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์แบบ ProRes และ ProRes RAW ซึ่งมืออาชีพใช้กันอย่างแพร่หลาย

MacBook Air M2 ยังมีตัวเลือกหน่วยความจำมากกว่าของรุ่น M1 โดยรุ่น M2 สามารถมีหน่วยความจำรวมสูงสุด 24GB ซึ่งใช้ร่วมกันระหว่าง CPU และ GPU ในขณะที่ Mac Air รุ่น M1 สามารถมีหน่วยความจำรวมสูงสุด 16GB เท่านั้น นอกจากนี้ Mac Air รุ่น M2 ยังมีแบนด์วิธหน่วยความจำที่สูงกว่าที่ 100GB/s เทียบกับ 68.25GB/s สำหรับรุ่น M1 ซึ่งหมายความว่า Mac Air รุ่น M2 สามารถจัดการข้อมูลและงานต่างๆ ได้มากขึ้นในคราวเดียว และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งสองรุ่นมีตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเหมือนกัน โดยมีขนาดตั้งแต่ 256GB ถึง 2TB ที่เป็น SSD ทั้งสองรุ่นยังมีกลไกเข้ารหัสและถอดรหัสวิดีโอเหมือนกัน ซึ่งรองรับรูปแบบ H.264 และ HEVC ที่เร่งด้วยฮาร์ดแวร์ ทั้งสองรุ่นยังมี Neural Engine 16 คอร์เหมือนกัน ซึ่งทำหน้าที่ด้านการเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์

แบตเตอรี่

หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดที่ทำให้หลายคนเลือกใช้แล็ปท็อปทั้ง MacBook Air M1 และ MacBook Air M2 คือ แบตเตอรี่ ทั้งสองรุ่นมีการออกแบบตัวเครื่องที่ไม่มีพัดลม ซึ่งหมายความว่าต้องอาศัยการระบายความร้อนแบบพาสซีฟและไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังหมายความว่าใช้พลังงานน้อยลงและสร้างความร้อนน้อยลง ส่งผลให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น ทั้งสองรุ่นมีแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ 49.9 วัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง ตามข้อมูลของ Apple ซึ่งนานมากกว่าแล็ปท็อปส่วนใหญ่ในตลาดอย่างเห็นได้ชัด และยังนานกว่าแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนบางรุ่นด้วยซ้ำ

ทั้งสองรุ่นยังมีอะแดปเตอร์แปลงไฟแบบเดียวกัน ยกเว้นรุ่นที่เป็น GPU 10-core บน MacBook Air M2 ซึ่งต้องใช้อะแดปเตอร์แปลงไฟขนาดกะทัดรัดที่มีพอร์ต USB-C คู่ 35W แทนอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C 30W ที่มาพร้อมกับรุ่นอื่นๆ เนื่องจากรุ่นที่เป็น GPU 10 คอร์ใช้พลังงานมากกว่าและต้องการความเร็วในการชาร์จมากกว่า

สรุป

MacBook Air M1 และ MacBook Air M2 เป็นทั้งแล็ปท็อปที่ยอดเยี่ยมที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงมากๆ ในราคาที่หลายคนพร้อมจ่าย โดยที่ Mac Air รุ่น M2 ได้รับการพัฒนาต่อจากรุ่น M1 มีจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้น โปรเซสเซอร์และกราฟิกที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ตัวเลือกหน่วยความจำที่มากขึ้น และดีไซน์ใหม่ อย่างไรก็ตาม Mac Air รุ่น M2 ยังมีรอยบากบนหน้าจอซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ใช้บางคน และมีราคาที่สูงกว่าซึ่งอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้บางคน Mac Air รุ่น M1 ยังคงเป็นแล็ปท็อปที่มีความสามารถและเชื่อถือได้อยู่ พร้อมด้วยโปรเซสเซอร์และกราฟิกที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และการออกแบบตัวเครื่องที่ดูทันสมัย อีกทั้ง Mac Air รุ่น M1 ยังมีราคาถูกกว่าและหาซื้อได้ง่ายกว่ารุ่น M2 ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่

ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเลือกระหว่าง MacBook Air M1 และ MacBook Air M2 ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ความชอบของแต่ละคน รวมถึงเรื่องงบประมาณของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันด้วย แต่หากคุณต้องการแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดและดีที่สุดจาก Apple ที่มีประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ และดีไซน์ที่ดีที่สุด โดยไม่สนใจข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงราคาที่แพงกว่า ก็เลือก Mac Air รุ่น M2 ในขณะที่ หากคุณต้องการแล็ปท็อปราคาไม่แพงและผ่านการพิสูจน์แล้วจากผู้ใช้ทั่วโลกกว่ามาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวๆ และการออกแบบตัวเครื่องที่ดูดี และคุณสามารถยอมรับข้อเสียเรื่องขนาดหน้าจอหรือพลังประมวลผลที่อาจไม่เท่ารุ่นใหม่กว่า นี่จะทำให้ Mac Air รุ่น M1 คือคำตอบตัวเลือกที่น่าลองสำหรับคุณ แต่ไม่ว่าจะด้วยการเลือกแบบใด คุณก็จะไม่ผิดหวังกับ MacBook Air เนื่องจากเป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่ดีที่สุดในโลก นั่นเอง

ความคิดเห็น