MacBook Air M3 รีวิวข้อดี-ข้อเสีย โน๊ตบุ๊คดีสุดในโลกจริงไหม

แอปเปิลได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่คือ MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว และ M3 จอ 15 นิ้ว ที่รอคอยมานาน แม้การครั้งนี้จะมาอย่างกะทันหันโดยไม่มีการจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีเพียงการส่งแถลงข่าวไปยังสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับ MacBook Air รุ่นใหม่มาพักหนึ่งแล้ว ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อแอปเปิลเปิดตัวชิพ M3 ก็มีการเปิดตัว MacBook Pro และ iMac รุ่นที่ใช้ชิพตระกูลเดียวกันด้วย แต่กลับไม่มีการเปิดตัว MacBook Air รุ่นที่ใช้ชิพ M3 ซึ่งเป็นครั้งแรกของการเปิดตัวชิพรุ่นใหม่ในตระกูล M ที่ไม่มี MacBook Air ทำให้หลายคนสังเกตเห็นและคาดหวังว่าคงจะมี MacBook Air ที่ใช้ชิพ M3 ออกมาในอนาคต ซึ่งดูเหมือนจะไม่ต้องรอนาน

สรุปข้อดีและข้อเสียของ MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว

  • ข้อดี
    • ประสิทธิภาพดีเยี่ยมสำหรับใช้ทำงานสำหรับคนส่วนใหญ่และสำหรับใช้เรียน
    • การออกแบบไร้พัดลม ทำงานเสียงเบา
    • ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ดีมากต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    • มีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB ที่เร็วกว่า Air M2
  • ข้อเสีย
    • สเปคพื้นฐานค่อนข้างด้อยอยู่
    • การต่อจอภาพภายนอกรู้สึกว่ายังไม่จัดเต็มตามที่คาดหวัง
    • การออกแบบตัวเครื่องไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ โดยรวมเหมือนเดิม
    • สี Midnight ยังคงมีรอยนิ้วมือเกิดขึ้นได้อยู่
    • ตัวเลือกพอร์ตยังมีจำกัด
    • รุ่นพื้นฐานยังคงเริ่มต้นด้วยหน่วยความจำ 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB

Content Cover

รีวิว MacBook Air M3 สรุปแล้วดีไหม อย่างไร?

MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว มีราคาเริ่มต้นประมาณ 40,750 บาท ซึ่งถูกลงกว่ารุ่น M2 ก่อนหน้านี้ที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 44,458 บาท จึงเป็นการแก้ปัญหาราคาสูงเกินไปของรุ่นก่อนหน้า แม้ MacBook Air M2 จะเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดในเรื่องการออกแบบและประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่คุ้มค่าเท่ากับรุ่น M1 ที่ราคาถูกกว่า ดังนั้น MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้นในช่วงที่ราคาสินค้าทั่วไปปรับตัวสูงขึ้น โดยแอปเปิลได้ลดราคา MacBook Air M2 ลงและหยุดจำหน่ายรุ่น M1 ไปแล้ว รุ่นพื้นฐานของ MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว มีหน่วยความจำรวม 8GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD 256GB เท่ากับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งในปี 2024 ถือว่าไม่เพียงพอสำหรับแล็ปท็อปในราคากว่า 37,077 กว่าบาท

นอกจากได้อัปเกรดชิป M3 แล้ว รุ่นนี้ยังคงรูปลักษณ์ดีไซน์เดิมของ MacBook Air M2 ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของการออกแบบที่บางและเบาสำหรับพกพาได้สะดวก โดยตัวรุ่น 13 นิ้วนั้นพกพาได้สะดวกกว่ารุ่น 15 นิ้ว และมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่าเป็น 14 ชั่วโมง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานแบบพกพาทุกที่ ในการใช้งานจริง MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว สามารถรองรับงานประจำวันได้อย่างราบรื่น และยังมีประสิทธิภาพดีสำหรับหนักๆ แนวต่างๆ รวมถึงการใช้งานโปรแกรมสำหรับการแต่งรูปภาพและดนตรี ตลอดจนการเล่นเกม โดยไม่พบปัญหาการค้างหรือพัง

โดยรวมแล้ว MacBook Air M3 เป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในราคาที่ถูกลงจากรุ่นก่อน จึงเป็นแล็ปท็อปที่น่าแนะนำที่สุดในขณะนี้ แม้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงดีไซน์ไปจากเดิม แต่ก็เป็นการปรับปรุงสเปคที่สมบูรณ์แบบของทีมแอปเปิล นอกจากนี้ยังมีรุ่นสเปกเป็น 16GB และ 512GB พร้อมแกนประมวลผลกราฟิกเพิ่มขึ้น ซึ่งมีราคาสูงถึงประมาณ 55,537 บาท แต่ก็เป็นรุ่นที่ครบเครื่องและทันสมัยกว่า

รีวิวด้านการออกแบบตัวเครื่อง

MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว ของ Apple ไม่ได้มีการออกแบบใหม่อะไรมากนัก แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แม้ว่าเราจะชอบอะไรใหม่ๆ ก็ตาม หากย้อนกลับไป MacBook Air M1 การออกแบบของมันก็เริ่มรู้สึกล้าสมัยขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อ MacBook M2 วางจำหน่ายในปี 2022 มันมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ดูสวยและทันสมัยขึ้น ซึ่งรวมถึงหน้าจอที่ดีกว่าและใหญ่ขึ้น บริเวณขอบหน้าจอบางลง และดูทันสมัยมากขึ้น ส่วนตัวผมชอบการออกแบบใหม่นี้ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกรำคาญที่ MacBook Air M3 มีรูปลักษณ์ค่อนข้างคล้ายกับ Mac M2 ก่อนหน้า

นี่ยังคงเป็นโน๊ตบุ๊คที่บางและเบา น้ำหนักน่าประทับใจ หน้าจอ LED 13.6 นิ้ว ดูสว่างและสดใส และความละเอียดมาตรฐาน 2560 x 1664 พิกเซล ให้ความละเอียด 224 พิกเซลต่อนิ้ว ส่งผลให้ภาพคมชัดและมีรายละเอียดน่าประทับใจ เช่นเดียวกับ MacBook Air รุ่นก่อนหน้า ในขณะที่ MacBook Air M3 15 นิ้ว ที่วางจำหน่ายพร้อมกับรุ่น 13 นิ้ว มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น แต่ก็มีความละเอียดสูงขึ้นด้วย ซึ่งหมายความว่าจำนวนพิกเซลต่อนิ้วมีค่าใกล้เคียงกับรุ่น 13 นิ้ว

โดยพื้นฐานแล้ว งานของคุณจะไม่เสียคุณภาพของภาพไม่ว่าจะเลือก MacBook Air รุ่นใด สำหรับคนจำนวนมาก รุ่น 13 นิ้วจะสะดวกกว่า เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและขนาดเล็กกว่า แต่ยังคงมีประสิทธิภาพสูง แป้นพิมพ์ยังคงใช้งานได้สบายอีกครั้ง มีระยะกดคีย์ที่ดีสำหรับอุปกรณ์บางเฉียบขนาดนี้ นั่นหมายความว่าการพิมพ์งานบนแป้นพิมพ์ MacBook Air รู้สึกมีความกระชับและตอบสนองได้ดี มีปุ่ม Touch ID ที่สามารถเปิดเครื่อง MacBook และล็อกอินได้อย่างรวดเร็วเพียงใช้ลายนิ้วมือ แทร็กแพดด้านล่างของแป้นพิมพ์มีพื้นที่กว้างดีและทำงานได้ดี เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า

โดยรวมแล้ว MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว เป็นโน๊ตบุ๊คบางและเบาที่มีรูปลักษณ์สวยงามจาก Apple อีกตัวที่น่าสนใจ และแม้จะดูเกือบเหมือนเดิมกับรุ่นก่อนหน้า แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยและดูดีอยู่ดี ผมบอกว่า "เกือบเหมือนเดิม" เนื่องจากมีความแตกต่างเล็กน้อยในรุ่นใหม่ของ MacBook Air รุ่นนี้ กล่างคือโมเดลที่มาในสีเมดไนท์ (ซึ่งก็คือสีน้ำเงินเข้มมาก) จะได้รับประโยชน์จาก การเคลือบอะโนไดซ์เพื่อลดรอยนิ้วมือ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการตอบสนองต่อการวิจารณ์รุ่นก่อนหน้าในสีเดียวกันนี้เนื่องจากมันเป็นรอยนิ้วมือ รอยขีดข่วน และร่องรอยอื่นๆ บนตัวเครื่องได้ง่าย ทั้งนี้ MacBook Air จอ 13 นิ้ว มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ เมดไนท์ สตาร์ไลท์ สเปซเกรย์ และสีเงิน แต่ถ้าใครได้มีโอกาสสัมผัส MacBook Air 13 นิ้วสีเมดไนท์ ก็จะเห็นว่า ตัวเครื่องสีเมดไนท์รุ่นใหม่นี้จริงๆ แล้วดูทนต่อรอยนิ้วมือมากขึ้น

Apple ยังเน้นย้ำด้วยว่า MacBook Air รุ่นใหม่นี้เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของพวกเขาที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 50% โดยตัวเครื่องใช้อลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และแผงวงจรหลักใช้ทองแดงรีไซเคิล 100% แม้ผมอยากจะเห็น Apple ยืดหยุ่นมากขึ้นในการอนุญาตให้ลูกค้าซ่อมแซมหรืออัพเกรดผลิตภัณฑ์ แต่การที่บริษัทใดๆ ใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสมอ

รีวิวพอร์ตการเชื่อมต่อ

ในแง่ของพอร์ต MacBook Air M3 ยังคงมีพอร์ตเหมือนรุ่นก่อนหน้า ซึ่งประกอบด้วย 2 พอร์ต Thunderbolt 3/USB 4 ที่รองรับการถ่ายโอนข้อมูลที่ความเร็วสูงสุด 40Gb/s พอร์ต MagSafe 3 สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และจากเสียง 3.5 มม.

พอร์ต MagSafe 3 และ Thunderbolt อยู่ด้านเดียวกัน (ด้านซ้าย) ซึ่งอาจทำให้การใช้งานพอร์ตเหล่านี้พร้อมกันเป็นเรื่องยุ่งยากบ้าง และยังหมายความว่าคุณไม่สามารถเลือกด้านที่ต้องการเสียบสายชาร์จ คุณสามารถใช้สายชาร์จ USB-C จากผู้ผลิตรายอื่นเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้หากคุณไม่มีสาย MagSafe

ทั้งนี้ MacBook Air รุ่นใหม่ทุกรุ่น ไม่รองรับพอร์ต Thunderbolt 4 ซึ่งยังคงเป็นสิทธิ์เฉพาะสำหรับ Mac รุ่นใหญ่ระดับโปร ที่ใช้ชิพ M3 Pro และ M3 Max อยู่เท่านั้น

การอัปเกรดสู่ชิพ M3

นี่ทำให้ MacBook Air 13 นิ้วรุ่นใหม่ สามารถรองรับการเชื่อมต่อจอภาพภายนอกได้สองจอพร้อมกัน โดยจอแรกรองรับความละเอียดสูงสุด 6K ที่ 60Hz และอีกจอหนึ่งรองรับความละเอียดสูงสุด 5K ในขณะที่รุ่น M2 เดิมสามารถเชื่อมต่อจอภายนอกความละเอียด 6K ได้เพียงจอเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดที่ค่อนข้างสำคัญ คือ คุณสามารถใช้งานจอภายนอกได้สองจอก็ต่อเมื่อปิดฝา MacBook Air ลงเท่านั้น แต่หากเปิดฝาขึ้น จอหนึ่งจอจะไม่ทำงาน ดังนั้นอย่าคิดว่าความสามารถใหม่นี้จะทำให้คุณสามารถทำงานบนสามจอพร้อมกันได้ น่าสนใจว่า MacBook Pro 14 นิ้วที่ใช้ชิพ M3 เปิดตัวครั้งแรกโดยไม่มีฟีเจอร์นี้ แต่ Apple จะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ในการอัปเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต

ความแรง และใช้ชิพ M3 แล้ว ดียังไง

การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ MacBook Air 13 นิ้ว รุ่นใหม่ คือ การใช้ชิพ M3 ซิลิกอนชิ้นล่าสุดของ Apple ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วพร้อมกับ MacBook Pro รุ่นใหม่ แตกต่างจาก MacBook Pro ปีที่แล้ว MacBook Air 13 นิ้วมีให้เลือกเพียงชิพ M3 ไม่มีรุ่น M3 Pro หรือ M3 Max ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า อย่างไรก็ตาม MacBook Air เป็นอุปกรณ์สำหรับกลุ่มผู้ใช้หลัก จึงเป็นไปได้ยากที่ผู้คนจะใช้งานหนักมากไปกว่าปกติทั่วไป

MacBook Air 13 นิ้ว มาพร้อมชิพ M3 สองรุ่นย่อย ได้แก่รุ่นพื้นฐานที่มี GPU 8 แกน และรุ่นที่แรงกว่าเล็กน้อยที่มี GPU 10 แกน ทั้งสองรุ่นมี CPU 8 แกนประกอบด้วยแกนประสิทธิภาพสูง 4 แกน และแกนประหยัดพลังงาน 4 แกน ซึ่ง MacBook Air จะสลับการใช้งานระหว่างแกนเหล่านี้ตามประเภทของงาน ช่วยให้มีสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดี

แรมและความจุ

MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว สามารถเลือกหน่วยความจำรวมได้สูงสุด 24GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล SSD 2TB ตัวอย่างเช่น รุ่นที่มาพร้อมชิพ M3 10 แกน หน่วยความจำ 16GB และ SSD 512GB ดังนั้นหากเลือกรุ่นพื้นฐานของ MacBook Air 13 นิ้ว ประสิทธิภาพอาจไม่เท่ากับที่มีสเปคสูงกว่า แต่ก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก

อย่างไรก็ดี ผมแนะนำให้เลือก MacBook Air ที่มีหน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าหากเป็นไปได้ ในปี 2024 RAM 8GB และ SSD 256GB ถือว่าน้อยไปสำหรับแล็ปท็อป โดยเฉพาะ SSD ที่จะเต็มอย่างรวดเร็วหากคุณติดตั้งแอพหลายตัวและเก็บภาพและวิดีโอจำนวนมาก ตั้งแต่เปิดกล่อง MacBook Air มาก็จะมีพื้นที่ 30GB ถูกใช้ไปแล้วโดย macOS และแอพที่ติดตั้งมาก่อน แม้จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับรุ่น 512GB แต่อาจเป็นปัญหากับรุ่น 256GB ได้

การใช้งาน ความร้อน และเสียงรบกวน

ในการใช้งานประจำวัน MacBook Air 13 นิ้ว (M3) ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ macOS Sonoma ตอบสนองรวดเร็ว และมีคลังแอพขนาดใหญ่ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อชิพ M-series ของ Apple โดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นล่าสุดของ Apple ได้อย่างเต็มที่

ผมใช้งานแอพต่างๆ อาทิ Safari, GarageBand และ Apple TV และ MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว สามารถรองรับการทำงานได้อย่างราบรื่น แม้เมื่อใช้งานแอพที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น Adobe Photoshop MacBook Air ก็ทำงานได้ดีมาก สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ MacBook Air 13 นิ้วที่ใช้ชิพ M3 จะมีประสิทธิภาพเพียงพอแล้ว

หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของประสิทธิภาพชิป M-Series ของ Apple คือการปล่อยความร้อนน้อย และด้วยการออกแบบทางความร้อนของ MacBook Air รุ่นใหม่ ทำให้ MacBook Air M3 จอ 13 นิ้ว ไม่มีพัดลมเลย ดังนั้นแม้เมื่อทำงานหนัก คุณก็ไม่ต้องได้ยินเสียงรบกวนจากพัดลม

นี่เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าพึงพอใจมากเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ควินโดวส์หลายรุ่นที่พัดลมจะทำงานง่ายมาก มันยังเป็นประโยชน์มากหากคุณใช้ MacBook Air บันทึกเสียง เนื่องจากไมโครโฟนในตัว (หรือไมโครโฟนภายนอกที่เสียบเข้าไป) จะไม่จับเสียงรบกวนจากโน๊ตบุ๊ค

ไมโครโฟน กล้อง

แมคบุ๊กแอร์รุ่นใหม่ขนาด 13 นิ้ว มาพร้อมกับไมโครโฟนชุดสามตัวเพื่อช่วยเพิ่มความชัดเจนและลดการจับเสียงรบกวน ในขณะที่กล้องเว็บแคมมีความละเอียด 1080p ซึ่งถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊กราคาเดียวกันที่มีกล้องความละเอียด 720p เท่านั้น นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคระบาด การประชุมทางวิดีโอได้กลายเป็นกิจกรรมปกติทั้งในชีวิตการทำงานและสังคม ชิพ M3 ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพวิดีโอและเสียงอีกด้วย มีความคมชัดและชัดเจนไม่แตกต่างจากรุ่น M2 ที่มีกล้องและไมโครโฟนชุดเดียวกัน

การเล่นเกม

นอกจากนี้ MacBook Air 13 นิ้ว (M3) ยังได้รับการอัปเกรดเป็น Wi-Fi 6E ซึ่งให้ความเร็วสูงขึ้นและมีความเชื่อถือได้มากกว่าเมื่อใช้งานในระยะทางไกล การเชื่อมต่อแบบไร้สายมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถรองรับการเล่นเกมที่มีกราฟิกค่อนข้างหนักได้ด้วย แม้จะไม่สามารถท้าทายโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งระดับสูงสุด แต่การเล่นเกมบนแมคบุ๊กแอร์บางและเบาเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ในขณะที่ไม่สามารถปรับการตั้งค่ากราฟิกสูงสุดได้ แต่เกมที่ทดสอบมีรายละเอียดสวยงามบนจอภาพขนาด 13.6 นิ้ว และยังมีความพิเศษที่ได้เล่นเกมบนแล็ปท็อปที่ไม่มีพัดลม ซึ่งแตกต่างจากแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมทั่วไปที่มีขนาดใหญ่และมีเสียงพัดลมดังรบกวน

ความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ MacBook

เมื่อแอปเปิลเปิดตัว MacBook Air 13 นิ้ว (M3) มีผู้คนจำนวนมากสังเกตว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ โดยคู่แข่งหลายรายของแอปเปิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งไมโครซอฟท์และกูเกิล กำลังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีนี้อย่างหนัก ท่านจะได้ยินเกี่ยวกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ AI มากขึ้นในปีนี้ และแอปเปิลเองก็เกือบจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

ดังนั้น การที่แอปเปิลให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ AI ของแมคบุ๊กแอร์ 13 นิ้ว (M3) จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิปซีรีส์ M ได้นำหน้าด้าน AI มาระยะหนึ่งแล้วด้วยเครื่องประมวลผลประสาทเทียม (Apple Neural Engine) ซึ่งมีมาตั้งแต่ชิป M1 รุ่นแรก และแม้แต่ในตอนนั้นก็ถูกนำเสนอว่าสามารถช่วยเหลืองานด้านการเรียนรู้ของเครื่อง ในขณะที่คู่แข่งผู้ผลิตชิปอย่างอินเทลเพิ่งเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ที่มี NPU (หน่วยประมวลผลประสาท) สำหรับงาน AI แอปเปิลได้มีซิลิกอนสามรุ่นที่มีความสามารถนี้มาแล้ว และตอนนี้แอปเปิลก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเข้าใจได้

ชิป M3 มาพร้อมกับ Neural Engine 16 แกนที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งแอปเปิลกล่าวว่า "เร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนหน้า" ทำให้ MacBook Air รุ่นนี้เป็น "โน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ AI" ตามคำกล่าวของแอปเปิล แม้จะยากที่จะยืนยันได้จนกว่าจะมีโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นที่มุ่งเน้นไปที่ชิป AI แต่ผมได้เห็นวิธีที่ MacBook Air 13 นิ้ว (M3) จัดการกับ AI แบบคลาวด์ เช่น Microsoft Copilot ซึ่งรวมอยู่ในเวอร์ชั่น Mac ของ Microsoft Office และต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รวมถึง AI ในอุปกรณ์ในแอปเช่น Pixelmator Pro และ Photoshop ประสิทธิภาพบนอุปกรณ์โดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกอย่างถูกจัดการโดยชิป M3 - ดังนั้นคุณสามารถใช้งานแบบออฟไลน์และยังคงใช้เครื่องมือ AI เพื่อจัดการงานประจำซ้ำๆ เช่น ปรับแต่งภาพ หรือสร้างเนื้อหาเช่นข้อความจากคำสั่งง่ายๆ

หน้าจอและลำโพง

เรื่องพื้นฐานแต่เป็นปัจจัยหลักในการทำงานของผู้ใช้ทุกคนเลยก็คือ เรื่องหน้าจอและลำโพงของ MacBook Air 13 นิ้ว (M3) นี่อาจไม่ใช่ดีที่สุดในบรรดาแมคบุ๊ก เนื่องจาก MacBook Pro รุ่นแพงกว่าได้นำเสนอเทคโนโลยี mini LED สำหรับความคมชัดและความสดใสระดับสูง รวมถึงคุณสมบัติ ProMotion ที่ให้อัตรารีเฟรชสูงกว่าเพื่อการเลื่อนไหลอย่างราบรื่น

MacBook Air 15 นิ้วรุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับลำโพงที่ดีกว่า - คุณจะได้รับลำโพงหกตัวพร้อมวูเฟอร์ยกเลิกแรงสำหรับเบสในรุ่นขนาดใหญ่กว่า ซึ่งให้เสียงที่มีคุณภาพดีและนุ่มนวลยิ่งขึ้น

MacBook Air 13 นิ้ว (M3) มีลำโพงสี่ตัว ซึ่งถือว่ามากแล้วสำหรับโน๊ตบุ๊คบางและเบาขนาดนี้ และแม้ว่ารุ่นนี้จะไม่มีเทคโนโลยีระดับสูงสุดจากแอปเปิล แต่ก็ยังทำงานได้ดีมากเมื่อคุณดูหรือฟังสื่อหรือทำงานโปรเจ็กต์ต่างๆ เสียงดังและชัดเจน - แตกต่างจากลำโพงเสียงในแล็ปท็อปอื่นบางส่วน

แบตเตอรี่

แม้ว่าชิป M3 จะเพิ่มประสิทธิภาพ แต่มันยังคงมีประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ทำให้แบตเตอรี่ไม่ดูเหมือนว่าไฟจะลดลงเร็วขึ้นมากนัก แอปเปิลระบุว่า MacBook Air 13 นิ้ว (M3) สามารถใช้งาน Apple TV ได้นานถึง 18 ชั่วโมง และเรียกดูเว็บแบบไร้สายได้นานถึง 15 ชั่วโมง - ซึ่งเท่ากับระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ตามทฤษฎีที่แอปเปิลระบุไว้สำหรับ MacBook Air 15 นิ้ว (M3) แม้ว่ารุ่น 15 นิ้วจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 66.5 วัตต์-ชั่วโมง เทียบกับ 52.6 วัตต์-ชั่วโมงของรุ่น 13 นิ้ว แต่เหตุผลของความเท่ากันนี้น่าจะเป็นเพราะหน้าจอ 15.6 นิ้วขนาดใหญ่กว่ากินพลังงานมากกว่า

ในการทดสอบระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งมีการเปิดวิดีโอความละเอียด 1080p วนซ้ำจนแบตเตอรี่หมด MacBook Air 13 นิ้ว (M3) ทำงานได้นาน 14 ชั่วโมง 19 นาที ซึ่งลดลงจาก 16 ชั่วโมง 6 นาทีที่รุ่น M2 ทำได้ในการทดสอบเดียวกัน และอาจเป็นหลักฐานว่าการเพิ่มประสิทธิภาพของชิป M3 นั้นมีต้นทุนด้านประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การลดลงนี้ไม่มากนัก และกว่า 14 ชั่วโมงก็ยังน่าประทับใจมาก - คุณควรสามารถใช้โน๊ตบุ๊คในทำงานหรือการเรียนได้เต็มวันด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว แม้ว่างานที่คุณทำจะมีความหนักมากเพียงใด แบตเตอรี่ก็จะถูกใช้ไปเร็วขึ้น น่าประหลาดใจที่แม้แต่ในระหว่างการเล่นเกม MacBook Air 13 นิ้ว (M3) ก็ยังสามารถใช้งานได้หลายชั่วโมง เพราะปกติเกมจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว

อีกสิ่งที่ผมชื่นชมใน MacBook Air 13 นิ้ว (M3) คือแม้เมื่อไม่ได้เสียบปลั๊กก็ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพ โน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นมักจะลดประสิทธิภาพเมื่อทำงานด้วยแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งาน แต่ MacBook Air 13 นิ้ว (M3) ดูเหมือนจะไม่ได้ทำเช่นนั้น - อย่างน้อยก็ไม่ชัดจนสังเกตได้ สิ่งนี้ผนวกกับระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานทำให้ MacBook Air 13 นิ้ว (M3) เป็นโน๊ตบุ๊คที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ในการทำงานขณะเดินทาง ด้วยที่ชาร์จที่ให้มา MacBook Air 13 นิ้ว (M3) สามารถชาร์จได้เกินกว่า 50% ภายในน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง เช่นเดียวกับแมคบุ๊กรุ่นอื่นๆ MacBook Air 13 นิ้วรุ่นใหม่นี้ก็ทำงานได้ดีเยี่ยมในการรักษาระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่เมื่อไม่ได้ใช้งาน ดังนั้นคุณสามารถปล่อยไว้หลายวันก่อนเปิดใช้งานอีกครั้งก็จะยังมีแบตเตอรี่เหลือ

MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว สีมิดไนท์ ชิป Apple M3

พร้อม CPU แบบ 8‑core, GPU แบบ 10‑core และ Neural Engine แบบ 16‑core หน่วยความจำแบบรวม ขนาด 16GB ...

content cover

MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว - สีเงิน ชิป Apple M3

พร้อม CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 10-core และ Neural Engine แบบ 16-core หน่วยความจำแบบรวมขนาด 8GB ...

Content Cover

ความคิดเห็น