iPad mini เป็นแท็บเล็ตจอเล็กยอดนิยมจาก Apple ที่มีขนาดกะทัดรัดและพกพาได้สะดวกเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2012 iPad mini ได้ออกรุ่นใหม่มาเรื่อยๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพมาหลายครั้ง โดยแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและข้อมูลจำเพาะแตกต่างกัน ถ้าคุณกำลังสนใจ iPad mini คุณอาจจะสับสนได้เพราะออกมาหลายรุ่นแล้ว ไม่รู้จะเลือกยังไง บทความนี้อาจจะช่วยคุณได้และจะตอบคำถามคาใจที่ว่า แล้วตอนนี้ทั้งหมดมีกี่รุ่นแล้ว? และ iPad mini รุ่นล่าสุดดีไหม ข้อดี ข้อเสียเป็นอย่างไร?
iPad mini มีกี่รุ่นแล้ว?
ปัจจุบันมี iPad mini อยู่ 6 รุ่น โดยแต่ละรุ่นมีหมายเลขรุ่นและวันที่วางจำหน่ายที่แตกต่างกัน:
- iPad mini (รุ่นที่ 1): เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2012 โดยเป็น iPad mini รุ่นแรกที่มีหน้าจอขนาด 7.9 นิ้วและพอร์ต Lightning มีชิป A5, กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 1.2 ล้านพิกเซล รองรับได้ถึง iOS 9.3.5
- iPad mini 2: เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2013 รุ่นนี้ปรับปรุงคุณภาพการแสดงผลโดยการเพิ่มความละเอียด Retina 2048 x 1536 พิกเซล นอกจากนี้ยังอัปเกรดโปรเซสเซอร์เป็นชิป A7 และกล้องด้านหลังเป็น 8 ล้านพิกเซล รองรับได้ถึง iOS 12.5.5
- iPad mini 3: เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2014 รุ่นนี้เพิ่มเซ็นเซอร์ Touch ID สำหรับการสแกนลายนิ้วมือและมีตัวเลือกเป็นเครื่องสีทอง มีสเปคเหมือนกับ iPad mini 2 ยกเว้นความจุซึ่งเพิ่มเป็น 128 GB รองรับได้ถึง iOS 12.5.5
- iPad mini 4: เปิดตัวในเดือนกันยายน 2015 รุ่นนี้ได้ออกแบบตัวเครื่องใหม่เพื่อให้บางและเบาขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยชิป A8 และ RAM ขนาด 2 GB มีกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซลและจอแสดงผลแบบลามิเนตพร้อมการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน รองรับระบบสูงสุดที่ iPadOS 15.1
- iPad mini 5: เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2019 รุ่นนี้อัปเดตโปรเซสเซอร์เป็นชิป A12 Bionic และเพิ่มการรองรับ Apple Pencil รุ่นแรก นอกจากนี้ยังมากับจอแสดงผล True Tone ซึ่งปรับอุณหภูมิสีตามแสงโดยรอบ มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และระบบลำโพงสเตอริโอ รองรับระบบสูงสุดที่ iPadOS 15.1
- iPad mini 6: เปิดตัวในเดือนกันยายน 2021 นี่คือ iPad mini รุ่นล่าสุดและล้ำสมัยที่สุด มาพร้อมดีไซน์หน้าจอทั้งหมดใหม่ พร้อมด้วยจอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว และพอร์ต USB-C นอกจากนี้ยังมีชิป A15 Bionic อันทรงพลัง, กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซลพร้อม Center Stage และตัวเลือกการเชื่อมต่อ 5G รองรับ Apple Pencil รุ่นที่สองและมีสี่สี: สีม่วง สีชมพู แสงดาว และสีเทาสเปซเกรย์ ทำงานบน iPadOS 15.1

iPad Mini 6 (2021) Wi-Fi 64GB 8.3 inch Pink
จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว, ชิป A15 Bionic พร้อม Neural Engine, Touch ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย, กล้องหลังไวด์ ความละเอียด 12MP, กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP, ลำโพงสเตอริโอแนวนอน ราคาประมาณ 19,900 บาท
ข้อดีข้อเสียของ iPad mini 6 (รุ่นล่าสุด)
- ข้อดี
- มีจอแสดงผลที่น่าใช้ ซึ่งครอบคลุมเกือบทั้งด้านหน้าของตัวเครื่อง ทำให้เหมาะสำหรับการดูวิดีโอ เล่นเกม และเล่นโซเชียลมีเดีย
- มีโปรเซสเซอร์ที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สามารถรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน การแก้ไขงาน และการเล่นเกมได้อย่างง่ายดาย
- มีพอร์ต USB-C อเนกประสงค์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ จอภาพ และไดรฟ์ภายนอก
- มีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวๆ ซึ่งสามารถทำงานผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอได้นานถึง 10 ชั่วโมง
- มีดีไซน์เพรียวบางและหรูหราที่ถือและพกพาได้สะดวก
- มีกล้องคุณภาพสูงที่สามารถถ่ายภาพและวิดีโอที่คมชัด และยังรองรับ Center Stage ซึ่งจะปรับเฟรมโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ในโฟกัสระหว่างการวิดีโอคอล
- มีตัวเลือก 5G ที่ให้เราสามารถดาวน์โหลดและดูหนังสตรีมมิ่งที่รวดเร็วเป็นพิเศษได้ทุกที่ทุกเวลา
- รองรับ Apple Pencil ซึ่งสามารถติดด้วยแม่เหล็กที่ด้านข้างของอุปกรณ์ และช่วยให้วาดภาพ งานจดบันทึก และขีดๆ เขียนๆ ได้อย่างแม่นยำ
- ข้อเสีย
- มีราคาค่อนข้างแพง โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 17,700 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi 64 GB และสูงถึงประมาณ 31,200 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular 256 GB 2
- ไม่มีฟีเจอร์ Face ID ซึ่งมีอยู่ใน iPad รุ่นอื่นๆ เช่น iPad Air และ iPad Pro แต่จะใช้เซ็นเซอร์ Touch ID ที่รวมอยู่ในปุ่มด้านบนแทน ซึ่งผู้ใช้บางรายอาจพบว่าสะดวกและปลอดภัยน้อยลง
- ไม่มี Smart Connector ซึ่งเป็นพอร์ตแม่เหล็กที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ เช่น Smart Keyboard Folio และ Magic Keyboard ผู้ใช้ที่ต้องการใช้คีย์บอร์ดกับ iPad mini 6 จะต้องพึ่งพาคีย์บอร์ด Bluetooth หรือ USB-C
- ไม่มีจอแสดงผล ProMotion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปรับอัตรารีเฟรชของหน้าจอได้สูงสุด 120 Hz ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่กำลังดู คุณสมบัตินี้สามารถเพิ่มความราบรื่นและการตอบสนองของจอแสดงผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ Apple Pencil หรือการเลื่อนดูหน้าจอ
- ไม่มีระบบสแกน LiDAR ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่สามารถวัดระยะห่างจากวัตถุและสร้างแผนที่เชิงลึกของสภาพแวดล้อมได้ คุณสมบัตินี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและความแม่นยำของแอปพลิเคชันและเกม Augmented Reality (AR)
iPad Mini เหมาะกับใครบ้าง?
iPad Mini เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการพกพาและความอเนกประสงค์ในแท็บเล็ต เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่: ต้องการแท็บเล็ตหน้าจอที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน แต่เป็นอุปกรณ์ที่เล็กกว่าแล็ปท็อปหรือ iPad ทั่วไป
iPad mini กับ iPad รุ่นอื่นๆ แตกต่างกันอย่างไร?
iPad mini เป็น iPad รุ่นที่เล็กที่สุดและพกพาสะดวกที่สุด ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะบางอย่างที่ไม่เหมือนกับ iPad รุ่นอื่นๆ:
- ขนาดจอแสดงผลและความละเอียด: iPad mini มีจอแสดงผล Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว ความละเอียด 2266 x 1488 พิกเซล ซึ่งเล็กกว่าจอแสดงผลขนาด 10.9 นิ้วของ iPad Air และ iPad 10.9 นิ้ว และ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้วของ iPad Pro อย่างไรก็ตาม iPad mini มีความหนาแน่นของพิกเซลสูงกว่า 326 พิกเซลต่อนิ้ว ซึ่งหมายความว่ามีภาพที่คมชัดกว่ารุ่นอื่นๆ ยกเว้น iPad Pro 12.9 ซึ่งมีความหนาแน่นของพิกเซล 264 พิกเซลต่อนิ้ว
- โปรเซสเซอร์และประสิทธิภาพ: iPad mini มีชิป A15 Bionic แบบเดียวกับ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ทำให้เร็วขึ้นและทรงพลังกว่า iPad 10.9 ซึ่งมีชิป A14 Bionic และ iPad Air ซึ่งมีชิป A14 Bionic อย่างไรก็ตาม ชิปของ iPad mini นั้นไม่ได้เร็วหรือทรงพลังกว่า iPad Pro ซึ่งมีชิป M2 ซึ่งเหมือนกับ MacBook Air และ MacBook Pro
- กล้องและวิดีโอ: iPad mini มีกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล ซึ่งเหมือนกับ iPad Pro ทำให้ดีกว่า iPad 10.9 และ iPad Air ซึ่งมีกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล โดยที่ iPad mini นั้น ยังรองรับ Center Stage ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะปรับเฟรมโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ในโฟกัสระหว่างการโทรวิดีโอ อย่างไรก็ตาม iPad mini ไม่มีระบบสแกน LiDAR ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่สามารถวัดระยะห่างจากวัตถุและสร้างแผนที่เชิงลึกของสภาพแวดล้อมได้ คุณสมบัตินี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและความแม่นยำของแอพพลิเคชั่นและเกม Augmented Reality (AR) ได้ และสามารถใช้งานได้บน iPad Pro เท่านั้น
- พอร์ตและการเชื่อมต่อ: iPad mini มีพอร์ต USB-C ซึ่งเป็นพอร์ตอเนกประสงค์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ จอภาพ และ External Harddisk ทำให้สะดวกกว่า iPad 10.9 ซึ่งมีพอร์ต Lightning ซึ่งเป็นพอร์ตลิขสิทธิ์เฉพาะที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมหรืออะแดปเตอร์ของ Apple เท่านั้น อย่างไรก็ตาม iPad mini ไม่มี Smart Connector ซึ่งเป็นพอร์ตแม่เหล็กที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมที่เข้ากันได้ เช่น Smart Keyboard Folio และ Magic Keyboard คุณสมบัตินี้จะทำให้ iPad มีประสิทธิภาพและใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยจะมีเฉพาะใน iPad Air และ iPad Pro เท่านั้น
- Apple Pencil และอุปกรณ์เสริม: iPad mini รองรับ Apple Pencil รุ่นที่สอง ซึ่งสามารถติดด้วยแม่เหล็กที่ด้านข้างของอุปกรณ์ ช่วยให้วาดภาพ เขียน และการจดบันทึกได้อย่างแม่นยำ ทำให้ดีกว่า iPad 10.9 ที่รองรับ Apple Pencil รุ่นแรกที่ต้องเสียบเข้ากับพอร์ต Lightning เพื่อชาร์จและจับคู่ อย่างไรก็ตาม iPad mini ไม่มีจอแสดงผล ProMotion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปรับอัตรารีเฟรชของหน้าจอได้สูงสุด 120 Hz ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่กำลังดู คุณสมบัตินี้สามารถเพิ่มความราบรื่นและการตอบสนองของจอแสดงผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ Apple Pencil หรือการเลื่อนดูหนัง คุณสมบัตินี้มีเฉพาะใน iPad Pro เท่านั้น
บทสรุป
iPad mini 6 เป็นรุ่นล่าสุดและทรงพลังที่สุดของไอแพดตระกูลมินิ จอเล็ก พกพาสะดวก ขนาดกะทัดรัดพร้อมจอแสดงผลที่ดี โปรเซสเซอร์ที่รวดเร็ว พอร์ต USB-C อเนกประสงค์ กล้องคุณภาพสูง ตัวเลือกเครือข่าย 5G และ รองรับ Apple Pencil อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ราคาที่สูง การไม่มี Face ID, Smart Connector, จอแสดงผล ProMotion และเครื่องสแกน LiDAR ผู้ใช้ที่สนใจซื้อ iPad mini 6 ควรชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียของอุปกรณ์แล้วเปรียบเทียบกับ iPad รุ่นอื่นๆ เพื่อหารุ่นที่ตรงกับความต้องการ เงินในกระเป๋า และความชอบของตนมากที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น