OPPO หนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำของโลกเพิ่งเปิดตัวซีรีส์ Reno11 ใหม่ซึ่งประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G อุปกรณ์ทั้งสองรองรับ 5G และมีหน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้วพร้อมอัตราการรีเฟรช 120Hz กล้องเซลฟี่แบบเจาะรู และกล้องหลังสามตัว อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างทั้งสองรุ่น เช่น โปรเซสเซอร์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล แบตเตอรี่ และความเร็วในการชาร์จ ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบ OPPO Reno11 5G และ Reno11 Pro 5G ในแง่ของสเปก ฟีเจอร์ ประสิทธิภาพ และราคา และช่วยคุณตัดสินใจว่าอันไหนเหมาะกับความต้องการของคุณมากกว่ากัน รวมถึงจะสรุปข้อดีและข้อเสียในตอนท้ายด้วย
โปรเซสเซอร์และพื้นที่เก็บข้อมูล
ความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งระหว่าง OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G คือโปรเซสเซอร์ นั่นคือสำหรับ OPPO Reno11 5G ขับเคลื่อนโดย MediaTek Dimensity 7050 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ octa-core ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 2.6GHz และกระบวนการผลิตระดับ 7nm ในทางกลับกัน OPPO Reno11 Pro มาพร้อมกับ MediaTek Dimensity 8200 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ octa-core ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 3.1GHz และกระบวนการระดับ 6nm โดยที่ชิปเซ็ต Dimensity 8200 นั้น มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากกว่า Dimensity 7050 และยังรองรับซิมการ์ด 5G คู่, Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2
ความแตกต่างอีกประการหนึ่งคือความจุและประเภทของหน่อยความจำ กล่าวคือ OPPO Reno11 5G มาพร้อม RAM ขนาด 8GB และที่เก็บข้อมูลภายในขนาด 128GB ซึ่งสามารถขยายได้สูงสุด 8GB ด้วย RAM เสมือน อย่างไรก็ตาม OPPO Reno11 Pro มี RAM ขนาด 12GB ชนิด LPDDR4x @ 2133MHz, UFS2.2 และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ในขณะที่ Reno11 Pro มี RAM ขนาด 12GB ชนิด LPDDR5X @3200MHz 4x16bit, UFS3.1 @ 2Lanes HS-Gear4 มีพื้นที่เก็บข้อมูล 512GB ทั้งนี้ UFS3.1 จะมีความเร็วที่สูงกว่า UFS 2.2
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ข้อแตกต่างอีกประการระหว่าง OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G ก็คือความจุของแบตเตอรี่และความเร็วในการชาร์จ OPPO Reno11 5G มีแบตเตอรี่ 5000mAh ซึ่งใหญ่กว่าแบตเตอรี่ 4600mAh ของ Reno11 Pro อย่างไรก็ตาม Reno11 Pro รองรับการชาร์จวัตต์ที่สูงกว่า คือ 80W ซึ่งสามารถชาร์จโทรศัพท์จาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลาเพียง 28 นาที ในทางกลับกัน Reno11 รองรับการชาร์จวัตต์ที่ต่ำกว่า คือ 67W ซึ่งสามารถชาร์จโทรศัพท์จาก 0% ถึง 100% ได้ใน 35 นาที โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องใช้พอร์ต USB Type-C และรองรับการชาร์จแบบไร้สายย้อนกลับได้
กล้องถ่ายภาพ
ทั้ง OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G มีกล้องสามตัวที่ด้านหลังและกล้องตัวเดียวที่ด้านหน้า กล้องด้านหลังประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP, กล้องเทเลโฟโต้ 32MP และกล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP กล้องหน้าเป็นกล้องเซลฟี่ 32MP อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติและประสิทธิภาพของกล้องมีความแตกต่างบางประการ OPPO Reno11 Pro มีเซ็นเซอร์ Sony IMX766 สำหรับกล้องหลักซึ่งมีขนาดและขนาดพิกเซลที่ใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL GN1 ที่ใช้ใน Reno11 นอกจากนี้ สำหรับ Reno11 Pro ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล (OIS) และโฟกัสอัตโนมัติแบบตรวจจับเฟสหลายทิศทาง (PDAF) สำหรับกล้องหลัก ซึ่งสามารถปรับปรุงความเสถียรและโฟกัสของภาพถ่ายและวิดีโอได้ ในทางกลับกัน OPPO Reno11 มีเพียง PDAF สำหรับกล้องหลักเท่านั้น โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 30fps แต่ Reno11 Pro ยังรองรับการบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30fps และการบันทึกวิดีโอ HDR10+
สรุปข้อดีและข้อเสียทั้งสองรุ่นย่อยของ OPPO Reno11 Series
- OPPO Reno11 5G
- ข้อดี
- ความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
- ราคาถูกกว่าถึง 5 พันบาท
- รองรับการขยายการ์ดหน่วยความจำ
- รองรับการชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ
- รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K
- ข้อเสีย
- โปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพน้อยกว่ารุ่นโปร
- ประเภทและความจุการจัดเก็บข้อมูลช้าลงกว่า
- ระบบชาร์จไว วัตต์ต่ำกว่า
- เซ็นเซอร์กล้องหลักด้อยกว่า
- ข้อดี
- OPPO Reno11 Pro 5G
- ข้อดี
- โปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ประเภทการจัดเก็บและความจุที่เร็วขึ้นกว่ารุ่นธรรมดา
- มีระบบชาร์จไว กำลังวัตต์ที่สูงขึ้น
- เซ็นเซอร์และคุณสมบัติกล้องหลักที่ดีขึ้นกว่า
- รองรับการบันทึกวิดีโอ 8K และ HDR10+
- ข้อเสีย
- ความจุของแบตเตอรี่น้อยลงกว่ารุ่นธรรมเล็กน้อย
- ราคาที่แพงกว่ารุ่นธรรมดาถึงประมาณ 5 พันบาท
- ไม่มีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอก
- ไม่มีการชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ
- ข้อดี
บทสรุป
OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมราคาต่ำกว่าสองหมื่น ที่ประสิทธิภาพน่าประทับใจเลยทีเดียว ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อ 5G, จอแสดงผล OLED 120Hz และกล้องหลังสามตัว อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างที่สำคัญบางประการในแง่ของโปรเซสเซอร์ พื้นที่เก็บข้อมูล แบตเตอรี่ การชาร์จ และกล้อง ซึ่ง Reno11 เหมาะกับผู้ที่ต้องการโทรศัพท์ที่มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า ราคาถูกกว่า และมีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ ในขณะที่ Reno11 Pro เหมาะกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการโทรศัพท์ที่มีโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พื้นที่เก็บข้อมูลที่เร็วขึ้น ชาร์จเร็ววัตต์ที่สูงขึ้น และกล้องหลักที่ดีกว่า ท้ายที่สุดแล้วคุณจะเลือกซื้อรุ่นไหนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและงบประมาณของคุณเอง แต่อย่าลืมมองหาโปรผ่อนจ่าย 0% กันด้วย เพราะตอนนี้มีโปรโมชั่นน่าสนใจหลากหลายเลย
OPPO Reno11 5G สีเขียว Wave Green และสีเทา Rock Grey
จอโค้ง 3D AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2412 พิกเซล) สว่างสูงสุด 800 nits อัตรารีเฟรช 120Hz, ชิป : Dimensity 7050, RAM LPDDR4x : 12GB, ROM UFS 2.2 : 256GB, กล้องหลัง Sony 3 ตัว : – กล้องหลัก LYT600 50MP (f/1.8), ระบบกันสั่น OIS – กล้องอัลตราไวด์ IMX355 8MP มุมกว้าง 112 องศา (f/2.2) ...

OPPO Reno11 Pro 5G สีขาว Pearl White และสีเทา Rock Grey
จอโค้ง 3D AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว FHD+ (1080 x 2412 พิกเซล) สว่างสูงสุด 950 nits อัตรารีเฟรช 120Hz, ชิป: Dimensity 8200, RAM LPDDR5x : 12GB, ROM UFS 3.1 : 512GB, กล้องหลัง Sony 3 ตัว : – กล้องหลัก IMX890 50MP (f/1.8), ระบบกันสั่น OIS – กล้องอัลตราไวด์ IMX355 8MP มุมกว้าง 112 องศา (f/2.2) ...

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น