เลือก Mini PC แบบไหนดี ยี่ห้ออะไร ทำงานเร็ว แรง แต่ราคาถูก

เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือคือทุกสิ่งของคนเราในการใช้ชีวิต ทำได้แทบทุกอย่าง แต่ถ้าต้องการคอมพิวเตอร์เอาไว้ทำงาน ยังไงก็คงหนีคอมแบบเดสก์ท็อปหรือไม่ก็แล็ปท็อปไม่ได้หรอก เพราะสะดวกในการทำงานมากกว่าเยอะ และจะไม่มีวันหายไปจากตลาดอย่างแน่นอน ยังไงคนก็ต้องใช้ทำงานกัน นอกจากคอมประกอบที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันดีแล้ว ปัจจุบันยังมีคอมพิวเตอร์พีซีอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า Mini PC ที่มีขนาดเล็ก เป็นเหมือนกล่องอะไรสักอย่างไว้เสียบกับจอมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานหรือแม้แต่เสียบหลังจอทีวี เพื่อเปลี่ยนให้ทีวีธรรมดา ๆ เครื่องนั้นให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ขึ้นมาได้ ภายในมีชิ้นส่วนเหมือนคอมประกอบทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น CPU, Mainboard, RAM, SSD เป็นต้น แต่ถูกย่อส่วนให้เล็กลง สะดวกในการพกพา เอาไปใช้เสียบจอเสียบคีย์บอร์ดที่ไหนก็ได้ แม้ว่าสมรรถนะไม่ได้แรงเหมือนพีซีเกมมิ่งเลย หรือเทียบกันไม่ติดเลย แต่ด้วยความสะดวกเล็กกระทัดรัดแบบนี้ ราคาก็ถูกกว่าเยอะ จึงเหมาะกับจริตในการใช้งานของใครหลายคน นอกจากนั้น Mini PC บางยี่ห้อมีลักษณะเป็น USB Stick อันใหญ่ ๆ หน่อย ลักษณะการใช้งานก็เหมือนกัน เพียงแต่พวกอุปกรณ์ต่อพ่วงต้องต่อแบบ Wireless แทน เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ บทความนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง Mini PC กันว่าจะเลือกแบบไหนดี มียี่ห้ออะไรบ้าง ความเร็วความแรงเป็นยังไง

Asus Mini PC PN50 สำหรับธุรกิจ

ขับเคลื่อนด้วย AMD Ryzen 4000 Series+Radeon Vega 7, RAM DDR4 สูงสุด 64GB, M.2 SSD 2.5 นิ้ว สูงสุด 1TB มากับระบบปฏิบัตการ Windows 10 Pro พร้อมใช้ รองรับจอภาพระดับ 4K ต่อจอได้สูงสุด 4 จอ ...

Content Cover

Mini PC ประเภท Barebones vs Ready To Go

มีสิ่งที่คุณควรรู้และระมัดระวังก่อนซื้อ นั่นก็คือ มินิพีซี มีมากกว่า 1 ชนิดนะ ถ้าคุณซื้อโดยไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเอามาเสียบจอ ต่อแล้วใช้ได้เลยนะ บางชนิดคุณต้องซื้อชิ้นส่วนเพิ่มเติมมาประกอบด้วยนะ ในที่นี้ขอพูดถึง 2 ชนิดก่อนล่ะกัน นั่นก็คือ

  • Mini PC แบบ Barebones เป็นมินิพีซีที่จะมาเป็นกล่องเคสหน้าตาเหมือนมินิพีซีที่เราคุ้นเคยทั่วไป แต่ภายในประกอบด้วยเมนบอร์ด โปรเซสเซอร์ พอร์ต USB, Bluetooth, Wi-Fi แต่ว่าเวลาคุณจะใช้งาน คุณจะต้องซื้อ RAM กับฮาร์ดดิส มาติดตั้งเพิ่มเข้าไปด้วย รวมถึงระบบปฏิบัติการ เราก็ต้องหามาลงเอง อย่างไรก็ตาม มินิพีซีแบบ Barebones นี้จะมีราคาถูกกว่าแบบอื่นพอสมควร อันนี้เหมาะกับคนที่มีอะไหล่คอมใช้งานอยู่แล้ว อาจจะเป็นอะไหล่คอมประกอบเก่าเอามายำรวมประกอบกันได้ หรือคนที่วางแผนจะอัพเกรดสเปคคอมให้แรงขึ้นภายหลังได้ ซึ่ง Mini PC แบบ Barebones สามารถทำได้ง่ายกว่าแบบ Ready To Go ที่แทบจะอัพเกรดอะไรไม่ได้เลย
  • Mini PC แบบ Ready To Go หรือแบบพร้อมใช้งาน เป็นมินิพีซีแบบเป็นกล่องเคสเช่นกัน แต่มาพร้อมทุกอย่าง ไม่เฉพาะชิ้นส่วนอย่าง Mainboard, CPU, RAM, Harddisk, พอร์ตต่าง ๆ เป็นต้น แม้แต่ระบบปฏิบัติการอย่าง Windows ก็มีมาให้พร้อมด้วย เรียกว่า เสียบจอ ต่อคีย์บอร์ด ต่อเมาส์ ใช้งานได้ทันทีเลย ซึ่งมินิพีซีแบบ Ready To Go นี้เหมาะกับคนส่วนใหญ่มากกว่า

คีย์บอร์ด, เมาส์, หน้าจอ ต้องหามาเอง

เมื่อคุณซื้อ Mini PC มา ราคาถูกกว่าพวกโน๊ตบุ๊คหรือคอมประกอบก็จริง แต่คุณจะได้มาเฉพาะตัวกล่องเคสเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น อาจจะให้พวกอะแดปเตอร์หรือสายอะไรแถมมาให้บ้างแล้วแต่รุ่น แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย สิ่งที่คุณต้องเตรียมไว้แยกต่างหากก็คือ คีย์บอร์ด, เมาส์, ลำโพง, และที่สำคัญคือหน้าจอ Monitor หรือแม้แต่ทีวี (จอต้องมีพอร์ต HDMI) ต้องมีเพื่อให้มินิพีซีมันทำงานได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนที่มีคอมเก่าอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม ก็สามารถเอาพวกคีย์บอร์ด, เมาส์, ลำโพง แล้วก็หน้าจอเก่ามาใช้กับ Mini PC เครื่องใหม่ของคุณก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอะไร

จอภาพ Monitor ต้องมีพอร์ต HDMI

Mini PC นั้นจะมีพอร์ต Output เป็นแบ mini-HDMI ดังนั้น จอภาพที่คุณจะเอามาต่อกับมันต้องมีพอร์ต HDMI จึงจะเสียบกันได้ โดยต้องใช้สายเคเบิ้ล mini-HDMI-to-HDMI ซึ่งปกติเค้าจะแถมมาให้แล้ว แต่ถ้าไม่มีคุณก็จำเป็นต้องซื้อ นอกจากนั้น หากคุณต้องการใช้จอ Monitor เก่าที่เป็นของคอมประกอบ ซึ่งมักจะไม่มีพอร์ต HDMI คุณจำเป็นต้องซื้อหัวแปลง HDMI-to-DVI มาต่อเพิ่มเพื่อให้เสียบกันได้

Mini PC อัพเกรดได้ยาก

ต่างจากคอมพิวเตอร์พีซีแบบประกอบ ที่สามารถอัพเกรดชิ้นส่วนได้ตามใจชอบ ในขณะที่ Mini PC มีข้อเสียหนึ่งที่คุณต้องรู้ ก่อนตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ก็คือ ข้อจำกัดในการอัพเกรด เพราะความที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ๆ นั่นหมายความว่า Mainboard ของมันจะไม่มีจำนวนช่องเสียบ Slot อะไรมากนัก มีเท่าที่จำเป็น คือถ้าคุณเปิดกล่องเคสของ Mini PC ออกมาก็จะพบว่าทุกชิ้นส่วนไม่ว่าจะเป็น RAM, Storage, Slot ต่าง ๆ ถูกใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อให้ตัวเคสของมันเล็กที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการอัพเกรด CPU เลย เช่นจาก Intel Core i3 อยากอัพเป็น Intel Core i7 นี่เป็นไปไม่ได้เลย ยกเว้นอย่างเดียว คุณมีทักษะด้านอิเล็กทรอนิกส์ สามารถดัดแปลง DIY อะไรตามต้องการได้ แต่นั้นเท่ากับว่าการรับประกันจากผู้ผลิต ก็จะสิ้นสุดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อเสียนี้ สามารถก้าวข้ามได้ด้วย Mini PC ชนิด Barebones ที่ภายในมีเพียงเมนบอร์ดกับ CPU เท่านั้น ชิ้นส่วนอื่น ๆ ก็เลือกซื้อมาประกอบได้ตามใจชอบ

Mini PC ใช้ RAM ของแล็ปท็อป ไม่ใช่ของเดสก์ท็อป

ใครที่เคยประกอบคอมจะรู้ ว่า RAMของโน๊ตบุ๊คนั้น มันจะเล็กกว่าของ PC (มี Pin น้อยกว่า) ใช้แทนกันไม่ได้ ซึ่ง Mini PC นั้นด้วยความที่ต้องการให้มีขนาดเล็ก แน่นอนผู้ผลิตก็ออกแบบมาให้ใช้กับ RAM ของโน๊ตบุ๊ค นอกจากนั้น ก่อนคุณจะซื้อแรมมาเพิ่มให้มินิพีซี คุณจะเป็นต้องดูจำนวน DIMM Slots ด้วยว่ามีช่องเหลือให้เสียบแรมเพิ่มหรือไม่ด้วย เพราะมินิพีซีส่วนใหญ่จะมากับ DIMM Slots จำนวน 2 ช่องเท่านั้น ในขณะที่บางรุ่นมีเพียงช่องเสียบเดียวด้วยซ้ำ

ฮาร์ดดิสสำหรับ Mini PC มีความเฉพาะต่างออกไป

ปกติแล้ว Hard Drive สำหรับเก็บข้อมูลทุกอย่างของมินิพีซีนั้นคุณจะเห็นว่ามันมีให้เลือกอยู่ 2 แบบ ได้แก่ แฟลชเมมโมรี่แบบ M.2 (หน้าตาคล้าย ๆ กับ RAM) และฮาร์ดดิสแบบ 2.5 นิ้ว (มีทั้งแบบจานหมุนและ SSD) ก่อนที่คุณจะซื้อ Mini PC จำเป็นอย่างยิ่งว่าคุณต้องดูสเปคของรุ่นที่จะซื้อสักนิด เพราะมีผลมากในการทำงาน รวมถึงในการบูท Windows ที่เร็วช้าต่างกันพอสมควร แน่นอนเมมโมรี่แบบ M.2 เป็น Flash Storage แบบใหม่ที่ทำงานเร็วกว่า SSD มาตรฐานซะอีก ทั้งอ่านและเขียนได้เร็วแบบสุด ๆ ถ้าพูดถึงเรื่องความเร็ว กินขาดฮาร์ดดิสจานหมุน 2.5 นิ้วไปมากโขเลย แต่ M.2 ก็มีราคาที่แพงกว่าและความจุน้อยกว่าด้วย ซึ่งมินิพีซีรุ่นใหม่ ๆ มักจะมากับ M.2 ซะมากกว่าแล้ว ในขณะที่ฮาร์ดดิสแบบ 2.5 นิ้ว ราคาถูกกว่าเยอะ มีความจุก็มากกว่ามาก มีสองแบบให้เลือกย่อยเข้าไปอีก คือ 2.5-inch SSD ที่เร็วกว่า 2.5-inch HDD (จานหมุนแบบเก่า) แต่ HDD คุณจะได้ความจุระดับ TB ในราคาเบา ๆ

ระบบปฏิบัติการ Windows vs Linux

ถ้าคุณเลือก Mini PC แบบ Barbones อันนี้คุณต้องเลือกและลงระบบปฏิบัติการเองทั้งหมด ถ้าเลือก Windows คุณจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นค่า License ให้ Microsoft ด้วย (Windows Home Edition ไม่ต้อง Activate ก็ได้ ใช้ได้ปกติไม่จำกัดเวลา แต่จะมีลายน้ำขึ้นมาบนหน้าจอขวาล่าง ถ้าไม่รำคาญก็ไม่ได้จ่าย) แต่ถ้าคุณมาแนวอินดี้ ๆ หน่อย และต้องการอะไรที่ฟรีแบบ 100% ก็เลือกลงระบบปฏิบัติการ Linux ในขณะที่ ถ้าคุณเลือก Mini PC แลละ Ready To Go ระบบปฏิบัติการเค้าจะติดตั้งมาให้พร้อมใช้เลย ดังนั้น ก่อนซื้อ คุณก็ต้องอ่านให้ดี ๆ ว่าเค้าให้ OS อะไรมา เป็น Linux รึเปล่า หรือว่าเป็นวินโดว์ ซึ่งคนไทยร้อยทั้งร้อยก็ต้องการอย่างหลังอยู่แล้ว แล้วถ้าเป็นระบบวินโดว์มาก็จริง ก็ต้องดูด้วยว่ามี License มาให้ด้วยรึเปล่า ไม่งั้นคุณก็จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกนะ

ผิดมากถ้าจะซื้อ Mini PC เพื่อเอาไปเล่นเกม

คุณอาจจะเลือกได้ว่าจะเอามินิพีซีรุ่นที่ใช้ชิปของ AMD Ryzen เพราะมันแรงกว่า Intel Core โดยเฉพาะแง่ของการเอาไปเล่นเกมส์ แต่ ๆ ในโลกของ Mini PC ในปัจจุบัน ยังคงไม่เหมาะกับเอาไปใช้เล่นเกมส์ โดยเฉพาะเกมใหม่ ๆ ที่ต้องการกำลังประมวลผลกราฟิกมหาศาล ด้วยขนาดเคสที่เล็กจิ๋วมากของมินิพีซี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะเอาการ์ดจออันใหญ่ ๆ มาเสียบ แม้ว่าซีพียู AMD Ryzen หรือ Intel Core ที่ใช้กับ Mini PC จะมากับชิป GPU ภายในโปรเซสเซอร์อยู่แล้ว เพื่อแสดงผลกราฟิกที่สวยงามกว่า แต่ยังไงมันก็ยังแรงไม่พอกับเกมสมัยใหม่ในท้องตลาดตอนนี้ (ยกเว้นซีพียูบางตัวเช่น Ryzen 7 5700g ที่มี GPU ที่แรงเอาไปเล่นเกมได้ แต่ก็ยังไม่เจอว่า Mini PC ยี่ห้อไหน เอาซีพียูตัวนี้มาใช้เพื่อขายเรา)

สามารถแขวนหลังจอมอนิเตอร์หรือหลังทีวีได้

อย่างที่กล่าวข้างต้น จุดเด่นที่สุดของ Mini PC ก็คือ ความเล็ก กระทัดรัด ดังนั้น สิ่งที่คุณสามารถทำได้ก็คือ สามารถเอามินิพีซียึดกับด้านหลังจอภาพ ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์หรือจอทีวีก็แล้วแต่ เพื่อไม่ให้เกะกะ เป็นการประหยัดพื้นที่ได้อีกวิธีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายคนพบปัญหาว่า ขนาดกล่องเคสของ Mini PC มันไม่พอดีกับหลังจอที่เราจะยึด ดังนั้น ก่อนซื้อมินิพีซี ก็จำเป็นที่คุณต้องเช็คขนาดหลังจอที่คุณจะยึดด้วย รวมถึงช่องว่างระหว่างจอภาพกับกำแพงด้วย ว่ามีพื้นที่พอที่จะเอากล่องเคสเอาใส่ได้หรือไม่ด้วย

ความคิดเห็น