รองเท้าเทนนิส On Roger Pro 2 ข้อดีและข้อเสีย


รองเท้าเทนนิสเป็นอุปกรณ์สำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวและการเล่นในสนาม นักกีฬาที่ต้องการพัฒนาฝีมือมักให้ความสำคัญกับการเลือกรองเท้าที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถเล่นได้เต็มศักยภาพและลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บ แบรนด์ที่ได้รับความนิยมมักพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรองเท้า และหนึ่งในรุ่นที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ On Roger Pro 2 ซึ่งเป็นรองเท้าที่ได้รับการออกแบบร่วมกับโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสชื่อดัง

ความแตกต่างของรองเท้าเทนนิสแต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ การออกแบบพื้นรองเท้า และการรองรับแรงกระแทก นักเทนนิสบางคนต้องการรองเท้าที่ให้ความมั่นคงสูงเพื่อรองรับการเคลื่อนที่ด้านข้าง ขณะที่บางคนมองหาคุณสมบัติที่ช่วยให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่น

On Roger Pro 2 เป็นรองเท้าที่ได้รับความสนใจจากนักเทนนิสทั้งระดับสมัครเล่นและมืออาชีพ ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อให้เหมาะกับการแข่งขัน การเลือกใช้วัสดุและโครงสร้างของรองเท้ารุ่นนี้มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ซึ่งควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ

ข้อดีของรองเท้า On Roger Pro 2

  • น้ำหนักเบา - ช่วยให้เคลื่อนที่ได้คล่องตัวและลดความเมื่อยล้าในการใช้งานระยะยาว
  • ความมั่นคงสูง - โครงสร้างรองเท้าถูกออกแบบมาให้รองรับการเคลื่อนไหวด้านข้างได้ดี
  • การยึดเกาะที่ดี - พื้นรองเท้าทำจากยางคุณภาพสูง ช่วยให้เกาะพื้นสนามได้แน่นแม้ในจังหวะเปลี่ยนทิศทางเร็ว
  • รองรับแรงกระแทกได้ดี - โฟม EVA ที่ใช้ในพื้นรองเท้าช่วยลดแรงกดที่ฝ่าเท้าและข้อเท้า
  • วัสดุแข็งแรงและทนทาน - TPU weave ที่ใช้ในส่วนบนมีความทนทาน ไม่ฉีกขาดง่ายแม้ใช้งานหนัก
  • ดีไซน์สวยงาม - มีรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัยและสามารถใส่ได้ทั้งในสนามและนอกสนาม

ข้อเสียของรองเท้า On Roger Pro 2

  • การระบายอากาศไม่ดีเท่ารองเท้าที่ใช้ผ้าตาข่าย - แม้ว่าจะมีการออกแบบให้มีช่องระบายอากาศ แต่โครงสร้างที่แข็งแรงอาจทำให้ภายในรองเท้าร้อนขึ้นเมื่อใช้งานนาน
  • ความยืดหยุ่นของพื้นรองเท้าค่อนข้างน้อย - โฟม EVA ที่ใช้เน้นความมั่นคงมากกว่าความนุ่ม ทำให้อาจรู้สึกแข็งกว่าเมื่อเทียบกับรองเท้าบางรุ่น
  • ต้องดูแลรักษาความสะอาดบ่อย - พื้นรองเท้ามีร่องลึกช่วยเพิ่มการยึดเกาะ แต่สามารถสะสมเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกได้ง่าย
  • ราคาค่อนข้างสูง - เมื่อเทียบกับรองเท้าในกลุ่มเดียวกัน ราคาของ Roger Pro 2 อาจสูงกว่ารุ่นอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

วัสดุและการออกแบบของส่วนบนรองเท้า

Roger Pro 2 ใช้วัสดุที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและน้ำหนักเบา ส่วนบนของรองเท้าผลิตจาก TPU weave สองชั้น ซึ่งชั้นบนเป็นวัสดุใสโปร่งแสง ส่วนชั้นล่างเป็นชั้นถักที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น โครงสร้างนี้ช่วยให้รองเท้ามีความทนทานโดยไม่เพิ่มน้ำหนักมากเกินไป

การออกแบบของลิ้นรองเท้ามีการบุฟองน้ำเพื่อช่วยให้ความรู้สึกกระชับขึ้น และยังมีรูระบายอากาศที่ช่วยให้เท้าไม่ร้อนเกินไป อย่างไรก็ตาม ระบบระบายอากาศอาจไม่ได้ช่วยให้อากาศถ่ายเทดีมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับรองเท้ารุ่นอื่น เชือกรองเท้ามีจุดร้อยที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถปรับระดับความแน่นได้อย่างเหมาะสม โดยมีทั้ง Outrigger Lace Eyelets และ Internal Lace Eyelets เพื่อช่วยล็อกเท้าให้มั่นคง

ส่วนข้อเท้ามีระดับความสูงต่ำกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย มีการเสริมฟองน้ำเพื่อช่วยให้กระชับขึ้น แต่ต้องใช้เวลาใส่ก่อนที่รองเท้าจะเข้ากับรูปเท้าได้ดีขึ้น

ความทนทานของส่วนบนรองเท้า

วัสดุ TPU weave ที่ใช้ใน Roger Pro 2 มีความแข็งแรงสูง สามารถรับแรงเสียดสีได้ดี ในการทดสอบการขูดกับกระดาษทรายเป็นเวลา 10 วินาที พบว่าพื้นผิวรองเท้าแทบไม่มีความเสียหาย การเสริมโครงสร้างในจุดที่ต้องรับแรงกระแทก เช่น บริเวณ drag guard และขอบด้านข้าง ช่วยลดการสึกหรอเมื่อใช้งานหนัก

หากมีอุ้งเท้าสูงหรือหลังเท้าสูง อาจรู้สึกถึงแรงกดจากเชือกรองเท้าในบางจุด แนะนำให้เลือกขนาดที่เหมาะสมและลองใส่ให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อ

พื้นรองเท้าชั้นกลางและการรองรับแรงกระแทก

พื้นรองเท้าชั้นกลางใช้โฟม EVA ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งให้ความมั่นคงและการรองรับแรงกระแทกดี โฟมชนิดนี้มีความรู้สึกคล้ายกับ Nike Phylon แต่มีความแข็งกว่า จึงให้ความมั่นคงมากกว่าการเด้งคืนพลังงาน พื้นรองเท้ามีการเสริมแกนคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเคลื่อนไหวด้านข้าง แต่ไม่ได้เสริมถึงบริเวณกลางฝ่าเท้า

จากการทดสอบแรงกระเด้ง พื้นรองเท้าให้แรงส่งคืนเพียง 26 ซม. ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อความเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรองเท้าที่ให้ความมั่นคงมากกว่าการส่งแรงกลับ ถ้าต้องการความนุ่มมากขึ้น อาจต้องเพิ่มแผ่นรองรองเท้าเพื่อช่วยซับแรงกระแทก

พื้นรองเท้าและการยึดเกาะกับพื้นสนาม

พื้นรองเท้าออกแบบให้มีลวดลายแบบ Herringbone ที่แตกต่างกันระหว่างด้านในและด้านนอก ด้านในของพื้นรองเท้ามีลวดลายที่หนากว่าเพื่อช่วยให้ยึดเกาะพื้นได้ดี ส่วนด้านนอกบางกว่าทำให้สามารถเลื่อนตัวได้ง่ายขึ้น ความแข็งของพื้นรองเท้าอยู่ที่ระดับ 21.25 ซึ่งถือว่าแข็งแรงพอสมควร

การทดสอบการยึดเกาะกับพื้นสนามพบว่ารองเท้าสามารถรักษาสมดุลได้แม้ในมุมเอียง 42° การสึกหรอของพื้นรองเท้าหลังจากการขูดกับกระดาษทรายเป็นเวลา 10 วินาที พบว่าลวดลายยังคงอยู่แทบไม่เปลี่ยนแปลง แสดงว่ามีความทนทานต่อแรงเสียดสีสูง

ความกระชับและความเหมาะสมกับรูปเท้า

รองเท้ารุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่มีเท้าขนาดปกติถึงกว้างเล็กน้อย หากมีเท้าเรียวแคบอาจต้องเลือกไซส์เล็กลงครึ่งเบอร์เพื่อให้พอดีขึ้น ส่วนผู้ที่มีหน้าเท้ากว้างมาก ควรเลือกรองเท้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ใส่ได้พอดี ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุ้งเท้าสูงเนื่องจากบริเวณกลางรองเท้ามีความแข็งค่อนข้างมาก อาจรู้สึกอึดอัดเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน

ประสิทธิภาพในการเล่น

Roger Pro 2 ให้ความมั่นคงสูงเมื่อเคลื่อนที่ไปด้านข้าง ทำให้เหมาะกับการเล่นเทนนิสที่ต้องเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วในทิศทางนี้มากกว่าการเร่งสปีดไปด้านหน้า การออกแบบที่ช่วยให้รองเท้ายึดเกาะพื้นได้ดี ลดความเสี่ยงในการลื่นไถล โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน

หากต้องการรองเท้าที่ช่วยให้เคลื่อนที่เร็วขึ้น อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากพื้นรองเท้าไม่ได้เน้นการส่งแรงกลับมากนัก แต่หากต้องการรองเท้าที่ให้เสถียรภาพและสามารถรองรับการเล่นที่ต้องเคลื่อนที่ไปมาเป็นเวลานาน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

การเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย

Roger Pro 2 มีน้ำหนักเบาแต่ยังคงความมั่นคงได้ดี วัสดุที่ใช้มีความทนทานสูงทั้งในส่วนบนและพื้นรองเท้า สามารถยึดเกาะพื้นสนามได้ดี เหมาะกับการเคลื่อนที่ด้านข้างและการเล่นที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง

จุดที่อาจเป็นข้อจำกัดคือแรงส่งคืนที่ค่อนข้างต่ำ ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการรองเท้าที่ให้ความเร็วมากขึ้น รวมถึงการออกแบบที่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุ้งเท้าสูง เนื่องจากพื้นรองเท้าค่อนข้างแข็งและอาจทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อใส่นานๆ

Roger Pro 2 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรองเท้าที่มั่นคง น้ำหนักเบา และมีความทนทาน ใช้ได้ดีกับเทนนิสหรือกีฬาอื่นที่ต้องการความแม่นยำและเสถียรภาพในการเคลื่อนไหว

น้ำหนักและความสมดุลของรองเท้า

น้ำหนักของรองเท้ามีผลต่อการเคลื่อนไหวโดยตรง โดยเฉพาะในการเล่นกีฬาที่ต้องการความเร็วและการทรงตัว Roger Pro 2 มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 420 กรัมต่อข้าง (สำหรับไซส์มาตรฐาน) ซึ่งเบากว่ารองเท้าเทนนิสหลายรุ่นที่มีน้ำหนักมากกว่า 450 กรัม การลดน้ำหนักลงทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้คล่องตัวขึ้นโดยไม่ลดความมั่นคง

แม้ว่าจะมีน้ำหนักเบา โครงสร้างของพื้นรองเท้าและวัสดุที่ใช้ช่วยให้ยังคงรักษาความสมดุลได้ดี การกระจายน้ำหนักในแต่ละส่วนของรองเท้าถูกออกแบบให้ช่วยลดแรงกดที่ฝ่าเท้า และเพิ่มการรองรับแรงกระแทกจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการหยุดกะทันหันหรือเปลี่ยนทิศทาง

การวางน้ำหนักไปที่ส้นรองเท้ามากกว่าปลายเท้าเล็กน้อยทำให้เหมาะสำหรับการเล่นที่ต้องการความมั่นคงในการยืนและการเคลื่อนที่ไปด้านข้าง หากเปรียบเทียบกับรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อความเร็วโดยเฉพาะ อาจรู้สึกว่าการดีดตัวไปข้างหน้าช้ากว่า แต่ข้อดีคือช่วยให้ควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในจังหวะที่ต้องใช้แรงส่งจากขาด้านข้างมากกว่าการพุ่งไปด้านหน้า

การระบายอากาศและการควบคุมความร้อน

การระบายอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความสบายในการสวมใส่ โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา วัสดุส่วนบนของ Roger Pro 2 ใช้ TPU weave ที่มีช่องว่างระหว่างเส้นใยเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่วัสดุชั้นในที่เป็นโครงสร้างเสริมความแข็งแรงอาจทำให้การถ่ายเทความร้อนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

การทดสอบการสะสมความร้อนจากการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานพบว่าภายในรองเท้ามีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรองเท้าที่ใช้ผ้าตาข่ายเป็นวัสดุหลัก อาจเหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจัดหรือสนามที่มีการควบคุมอุณหภูมิ

บริเวณลิ้นรองเท้าและรอบข้อเท้ามีการบุฟองน้ำที่ช่วยให้รองเท้ากระชับขึ้น แต่ฟองน้ำเหล่านี้อาจกักเก็บความชื้นเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้ถุงเท้าที่สามารถดูดซับเหงื่อได้ดีเพื่อลดความอับชื้นขณะใช้งาน

ความยืดหยุ่นและการรองรับแรงกระแทกของพื้นรองเท้า

พื้นรองเท้าชั้นกลางของ Roger Pro 2 ใช้โฟม EVA ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งมีข้อดีในเรื่องของความมั่นคงและการรองรับแรงกระแทก การทดสอบการบีบอัดโฟมพบว่ามีความยืดหยุ่นน้อยกว่าโฟมที่ใช้ในรองเท้ากีฬาเน้นความเร็ว แต่สามารถรองรับแรงกดจากการกระโดดและการลงเท้าได้ดี

แม้ว่าความยืดหยุ่นของพื้นรองเท้าจะไม่สูงมาก แต่โครงสร้างโดยรวมช่วยให้การเคลื่อนไหวมีความเสถียร การวางโฟมให้มีความหนามากขึ้นบริเวณส้นเท้าช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเท้าลงถึงพื้น ส่วนบริเวณปลายเท้ามีความบางลงเพื่อให้สามารถถ่ายแรงไปข้างหน้าได้ดีขึ้น

ความแข็งของพื้นรองเท้าอยู่ที่ระดับปานกลางเมื่อเทียบกับรองเท้ารุ่นอื่นในประเภทเดียวกัน หากต้องการความรู้สึกที่นุ่มขึ้น อาจใช้แผ่นรองเสริมเพื่อช่วยลดแรงกระแทกและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับฝ่าเท้า

ประสบการณ์ในการใช้งานระยะยาว

การใช้งานรองเท้าเป็นเวลานานมีผลต่อความทนทานและความสึกหรอของวัสดุ Roger Pro 2 ผ่านการทดสอบความทนทานโดยการสวมใส่ในสนามแข่งและการเคลื่อนที่ซ้ำๆ เป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง พบว่าพื้นรองเท้ายังคงรักษาคุณสมบัติการยึดเกาะได้ดีแม้หลังจากผ่านการใช้งานหนัก

วัสดุส่วนบนที่เป็น TPU weave มีความแข็งแรงสูง ไม่ฉีกขาดง่าย แต่หากมีการลากเท้าหรือเสียดสีกับพื้นบ่อยครั้ง อาจเกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิว อย่างไรก็ตาม การเสริมโครงสร้างบริเวณขอบรองเท้าช่วยลดโอกาสที่รองเท้าจะเสียหายเร็วกว่าที่ควร

ส่วนของพื้นรองเท้าชั้นกลางยังคงรูปทรงได้ดีแม้หลังจากการใช้งานต่อเนื่อง โฟม EVA ที่ใช้มีความหนาแน่นสูงจึงไม่ยุบตัวเร็ว แม้ว่าอาจไม่มีความยืดหยุ่นมากนัก แต่ข้อดีคือสามารถรักษาสภาพเดิมได้นานกว่าโฟมที่มีความนุ่มมากกว่า

หากใช้งานบนสนามดินหรือสนามที่มีเศษฝุ่นสะสม อาจต้องทำความสะอาดพื้นรองเท้าบ่อยขึ้นเพื่อรักษาคุณสมบัติการยึดเกาะให้คงอยู่ในระดับสูงสุด แนะนำให้ใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าเปียกเช็ดทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งานของรองเท้า


ความคิดเห็น